เค้กช็อกโกแลตคือขนมที่ทำให้ใจควบคุมอารมณ์ด้วยกลิ่นหอมและรสชาติที่หวานหอมนุ่มนวล ไม่ว่าจะเป็นเค้กช็อกโกแลตแบบธรรมดาหรือเค้กช็อกโกแลตแบบมูส์ กินครั้งแรกก็ยากที่จะหยุด วันนี้เรามีสูตรเค้กช็อกโกแลตอร่อยนุ่มหนึบที่สุดให้คุณลองทำกัน! ในบทความนี้เราจะมาแชร์วิธีการทำเค้กช็อกโกแลตอย่างง่ายและสไตล์ของคุณเอง มาเริ่มทำเค้กสุดอร่อยกันเถอะ!
วัตถุดิบที่จำเป็นในการทำเค้กช็อกโกแลต
| วัตถุดิบ | ปริมาณ |
|---|---|
| แป้งอ่อนเฉพาะทำเค้ก | 1 ถ้วย |
| น้ำตาลทราย | 1 ถ้วย |
| ไข่ | 3 ฟอง |
| เนย | 1/2 ถ้วย |
| นมข้นหวาน | 1/2 ถ้วย |
| คาราเมล | 1/4 ถ้วย |
| ผงโกโก้ | 1/2 ถ้วย |
| น้ำตาลปี๊บ | 1/2 ถ้วย |
| เกลือ | 1/4 ช้อนชา |
| สารเคมีฉีดขาว | 1/4 ช้อนชา |
| น้ำมันพืชสำหรับทาแม่พิมพ์ | ที่พร้อมใช้งาน |
ขั้นตอนการทำเค้กช็อกโกแลต
ขั้นตอนการทำเค้กช็อกโกแลตคือดังนี้ค่ะ:
- เตรียมอ่างทำคาราเมลบนเตา และตั้งไฟอ่อนๆ รอให้คาราเมลเหลืองมันสุกและมีกลิ่นหอม หากไม่มีคาราเมล สามารถใช้น้ำตาลปี๊บแทนได้ค่ะ
- ผสมแป้งอ่อนเฉพาะทำเค้กและผงโกโก้ให้เข้ากันในอ่างอย่างละเอียด
- ในอ่างใหญ่ คนน้ำตาลทรายและเนยให้นุ่ม ตามด้วยการเติมไข่ลงไป คนให้เข้ากันจนไข่เป็นเนื้อเดียวกัน
- เติมคาราเมลที่เตรียมไว้ลงในอ่างผสม คนให้เข้ากันอีกครั้ง
- คั่วน้ำส่วนผสมในหม้อที่ใช้คั่ว ค่อยๆ คนจนกว่าน้ำในหม้อจะเดือดและส่วนผสมเค้าจะติดหม้อ
- เมื่อส่วนผสมคั่วเย็นแล้ว นำไปผสมกับนมข้นหวานในอ่างผสม คนให้เข้ากันอีกครั้ง
- ทาน้ำมันพืชบนพิมพ์เค้กให้ทั่วพื้นผิว และตั้งไว้พร้อมใช้งาน
- อบเค้กช็อกโกแลตในเตาอบที่ความร้อน 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 25-30 นาที หรือจนกว่าเค้กจะสุก
- เมื่อเวลาอบผ่านไปแล้ว นำเค้กช็อกโกแลตออกมาให้เย็น
- เสิร์ฟเค้กช็อกโกแลตอร่อยนุ่มพร้อมทาด้วยคาราเมลหรือผงโกโก้ตามชอบค่ะ
การคั่วแป้งโกโก้
การคั่วแป้งโกโก้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เค้กช็อกโกแลตมีรสชาติที่หอมกลมกล่อมและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องคั่วแป้งโกโก้ก่อนนำมาผสมในส่วนผสมทั้งหมดของเค้ก การคั่วแป้งโกโก้ไม่ยากเลย แต่ต้องใช้ความอ่อนโยนในการควบคุมความร้อนและเวลาให้เหมาะสม
เริ่มต้นด้วยการเตรียมส่วนผสมแป้งโกโก้ในอ่างหนึ่ง และเตรียมหม้อที่ใช้คั่วแป้งโกโก้ในอีกหม้อหนึ่ง ให้ตั้งไฟอ่อนๆ และนำส่วนผสมแป้งโกโก้ไปใส่ในหม้อที่ใช้คั่ว ควบคุมความร้อนให้เป็นอย่างอ่อนๆ เพื่อป้องกันการคั่วเกินและเสียหายส่วนผสม ควบคุมเวลาให้คั่วแป้งโกโก้จนกว่าจะมีกลิ่นหอมหรือจนกว่าสีของแป้งโกโก้จะเข้มขึ้น การคั่วใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ขึ้นอยู่กับความร้อนของไฟที่ใช้คั่วและปริมาณแป้งโกโก้ที่ใส่ในหม้อ
เมื่อแป้งโกโก้คั่วเสร็จแล้ว ให้นำออกมาใส่ในอ่างใหม่ที่มีนมข้นหวาน คนให้ส่วนผสมแป้งโกโก้และนมข้นหวานเข้ากันให้เข้าส่วนส่วน สำหรับความหนืดและเนื้อเย้าที่อร่อยนุ่มของเค้กช็อกโกแลต การคั่วแป้งโกโก้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยให้เค้กช็อกโกแลตอร่อยนุ่มหนึบและทำให้กลิ่นหอมของช็อกโกแลตแพร่กระจายออกมาอย่างหอมหวานและเข้มข้น ให้ควบคุมการคั่วให้แป้งโกโก้ไม่เกินไปเพื่อไม่ให้เกิดความขมหรือเสียหายส่วนผสม หากทำตามขั้นตอนดังกล่าวอย่างถูกต้อง จะสามารถสร้างเค้กช็อกโกแลตที่อร่อยนุ่มหนึบเสมอไปค่ะ
การผสมส่วนผสมคั่วและนมข้นหวาน
การผสมส่วนผสมคั่วและนมข้นหวานเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำเค้กช็อกโกแลตที่อร่อยนุ่มหนึบและหอมหวานมากยิ่งขึ้น หลังจากคั่วแป้งโกโก้ให้เสร็จสิ้นแล้ว เราต้องผสมส่วนผสมคั่วด้วยนมข้นหวาน เพื่อเพิ่มความหนืดและความอร่อยให้กับเค้กช็อกโกแลต
เริ่มต้นด้วยการเตรียมส่วนผสมคั่วที่เคยคั่วไว้ในอ่างใหม่ที่มีนมข้นหวาน ใช้กล้องคนนมหรือสากปั่นคนให้ส่วนผสมคั่วและนมข้นหวานเข้ากันอย่างละเอียด ขณะคนให้เนื้อส่วนผสมเข้ากัน ควรใช้มือค่อยๆ หยุดคนและจับมือให้พอเหมาะเพื่อให้ส่วนผสมคั่วและนมข้นหวานผสมกันได้ดีที่สุด
การผสมส่วนผสมคั่วและนมข้นหวานเป็นขั้นตอนที่ทำให้เค้กช็อกโกแลตมีความนุ่มนวลและอร่อยมากยิ่งขึ้น สามารถสร้างเค้กช็อกโกแลตที่มีความหอมหวานและรสชาติที่เข้มข้นได้อย่างสมบูรณ์ ขณะคนส่วนผสมคั่วและนมข้นหวาน ควรให้ความสำคัญในการควบคุมเวลาและเพิ่มความตึงเครียดของเนื้อส่วนผสมให้เพียงพอ ดังนี้จะทำให้เค้กช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ มีความอร่อยที่สมบูรณ์และหนืดเป็นพิเศษ หลังจากที่ผสมส่วนผสมคั่วและนมข้นหวานเสร็จสิ้น ขั้นตอนถัดไปคือการเตรียมพิมพ์เค้กและต้มน้ำเสริมความหนืดค่ะ
การเตรียมพิมพ์เค้ก
การเตรียมพิมพ์เค้กเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำเค้กช็อกโกแลตที่ต้องคำนึงถึงความนุ่มนวลและความหอมหวานของเค้ก หลังจากที่คั่วแป้งโกโก้และผสมกับนมข้นหวานเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเตรียมพิมพ์เค้ก ซึ่งจำเป็นต้องทำให้พิมพ์เค้กนุ่มนวลเพื่อให้เค้กช็อกโกแลตมีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ความหอมหวานของเค้กที่สูงสุด
เริ่มต้นด้วยการทาน้ำมันพืชบนพิมพ์เค้กให้ทั่วพื้นผิว โดยใช้สีระบุปริมาณที่ทำให้ส่วนผสมของเค้กสามารถเติมลงในพิมพ์เค้กได้ค่ะ การทาน้ำมันพืชบนพิมพ์เค้กจะช่วยให้เค้กสามารถถอดออกจากพิมพ์ได้ง่ายและไม่ติดเชื้อไวรัสของเค้ก หากไม่มีพิมพ์เค้ก สามารถใช้แม่พิมพ์ที่มีรูแบบเค้กให้ก็ได้ค่ะ
ขั้นตอนถัดไปคือการตรวจสอบความสุกของเค้ก หลังจากที่นำพิมพ์เค้กหรือแม่พิมพ์ที่ใส่ส่วนผสมลงไปในอบ เราควรตรวจสอบความสุกของเค้กโดยการใช้ไม้กลมหม้อแม่เหล็กหม้อเตาอบหรือไม้ถูเค้ก สะบัดตรงกลางของเค้ก หากไม้สะบัดออกมาแหละมีของคร่อมติดอยู่หรือข้อความผสม แสดงว่าเค้กยังไม่สุกเต็มที่ หากไม้สะบัดออกมาสะอาดและไม่มีของคร่อมติดอยู่ แสดงว่าเค้กสุกและพร้อมที่จะเสิร์ฟแล้วค่ะ
การเตรียมพิมพ์เค้กเป็นขั้นตอนสำคัญที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญในการทำให้พิมพ์เค้กนุ่มนวลและเริ่มมีกลิ่นหอมของเค้กโกแลตกระจายออกมา ควรใช้พิมพ์เค้กที่มีรูแบบเค้กให้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยทำให้เค้กช็อกโกแลตมีความนุ่มนวลและหอมหวานมากยิ่งขึ้นค่ะ
การเตรียมเตาอบ
การเตรียมเตาอบเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำเค้กช็อกโกแลตที่ต้องให้ความสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิและเวลาการอบเพื่อให้เค้กสุกและมีส่วนสำคัญที่ทำให้เค้กนุ่มนวลและมีความหอมหวานแบบเต็มตัว
เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบอุณหภูมิของเตาอบให้แน่ใจว่าอุณหภูมิเป็นอย่างถูกต้องตามสูตรการทำเค้กช็อกโกแลต ควรใช้เทอร์โมมิเตอร์หรือเครื่องวัดอุณหภูมิเพื่อควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วเค้กช็อกโกแลตต้องอบที่อุณหภูมิประมาณ 180 องศาเซลเซียส เพื่อให้เค้กสุกและเหนียวนุ่ม
หลังจากที่ตรวจสอบอุณหภูมิเตาอบเสร็จแล้ว นำพิมพ์เค้กหรือแม่พิมพ์ที่ใส่ส่วนผสมลงไปในเตาอบ ควรใช้ตะกร้าขนาดเล็กใส่พิมพ์เค้กเพื่อให้เค้กนุ่มนวลและไม่ติดเชื้อไวรัสของเค้ก สามารถใช้แม่พิมพ์ที่มีรูแบบเค้กให้ก็ได้ค่ะ
เมื่อวางพิมพ์เค้กหรือแม่พิมพ์ในเตาอบแล้ว ปิดประตูเตาอบและตั้งเวลาอบตามสูตรของเค้กช็อกโกแลต ควบคุมเวลาการอบอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เค้กเกิดความแห้งหรือเสียหาย หากเป็นเค้กช็อกโกแลตขนาดเล็ก อาจใช้เวลาอบประมาณ 25-30 นาที แต่ถ้าเป็นเค้กช็อกโกแลตขนาดใหญ่ อาจใช้เวลาอบนานขึ้นค่ะ
การเตรียมเตาอบเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ทำให้เค้กช็อกโกแลตมีความนุ่มนวลและมีความหอมหวานที่เข้มข้นเต็มที่ ขณะที่อบควรให้ความสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิและเวลาอบเพื่อให้เค้กสุกและอร่อยตามที่คาดหวังค่ะ
วิธีตรวจสอบความสุกของเค้ก
การตรวจสอบความสุกของเค้กเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำให้เค้กช็อกโกแลตมีความนุ่มนวลและอร่อยที่สุด หากตรวจสอบความสุกไม่ถูกต้อง อาจทำให้เค้กมีความขมหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ การตรวจสอบความสุกของเค้กควรใช้วิธีต่างๆ เพื่อควบคุมอุณหภูมิและเวลาในการอบให้เหมาะสม และเค้กอบสุกตามที่คาดหวัง
วิธีตรวจสอบความสุกของเค้กที่ง่ายที่สุดคือการใช้ไม้กลมหม้อแม่เหล็กหรือไม้ถูเค้กสอดลงในเค้ก หากไม้สะบัดออกมาแหละมีของคร่อมติดอยู่ แสดงว่าเค้กยังไม่สุกเต็มที่ แต่ถ้าไม้สะบัดออกมาสะอาดและไม่มีของคร่อมติดอยู่ แสดงว่าเค้กสุกและพร้อมที่จะเสิร์ฟแล้วค่ะ
วิธีตรวจสอบความสุกของเค้กอีกวิธีคือการใช้เทอร์โมมิเตอร์หรือเครื่องวัดอุณหภูมิ ให้เสียบเทอร์โมมิเตอร์ลงในกลางของเค้ก และอ่านค่าอุณหภูมิที่แสดงบนเทอร์โมมิเตอร์ ถ้าอุณหภูมิแสดงค่าตามที่ระบุในสูตรการทำเค้ก แสดงว่าเค้กสุกเต็มที่ หากอุณหภูมิแสดงค่าต่ำกว่าที่กำหนด แสดงว่าเค้กยังไม่สุกเต็มที่และควรทำการอบเพิ่มเวลาอีก
นอกจากนี้ยังสามารถใช้หลอดสำหรับตรวจสอบความสุกของเค้ก โดยนำหลอดสีขาวหรือหลอดพลาสติกตามข้อต่อบนส่วนบนของเค้ก หากหลอดเจริญในเค้ก แสดงว่าเค้กยังไม่สุกเต็มที่ แต่ถ้าหลอดเจริญไม่ในเค้กแสดงว่าเค้กสุกและพร้อมที่จะเสิร์ฟแล้วค่ะ
การตรวจสอบความสุกของเค้กเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยให้เค้กช็อกโกแลตมีความนุ่มนวลและอร่อยตามที่คาดหวัง ควรใช้วิธีต่างๆ เพื่อควบคุมอุณหภูมิและเวลาในการอบให้เหมาะสม และเค้กอบสุกตามที่คาดหวังค่ะ
เคล็ดลับในการทำเค้กช็อกโกแลตอร่อยนุ่ม
เมื่อต้องการทำเค้กช็อกโกแลตที่อร่อยนุ่มและอิ่มความหอม ควรมีเคล็ดลับในการทำเค้กเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดค่ะ
เคล็ดลับแรกคือการใช้วัตถุดิบที่คุณภาพดีและสดใหม่ การเลือกแป้งโกโก้ที่มีความคมชัดและคุณภาพดี รวมถึงนมข้นหวานที่มีความหวานและความหนืดสูง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เค้กมีรสชาติที่เข้มข้นและอร่อยมากยิ่งขึ้น
เคล็ดลับถัดไปคือการคั่วแป้งโกโก้ก่อนนำมาผสม การคั่วแป้งโกโก้ทำให้เค้กมีกลิ่นหอมหวานและความเข้มข้นของช็อกโกแลต โดยควรคั่วแป้งโกโก้ในอย่างอ่อนๆ และควบคุมความร้อนและเวลาให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความขมหรือเสียหายส่วนผสม
เคล็ดลับที่สำคัญอีกอย่างคือการตรวจสอบความสุกของเค้กให้ถูกต้อง การใช้ไม้กลมหม้อแม่เหล็กหรือไม้ถูเค้กสอดลงในเค้ก เพื่อตรวจสอบความสุกของเค้กว่าสุกเต็มที่หรือยัง ถ้าไม้สะบัดออกมาแหละมีของคร่อมติดอยู่ แสดงว่าเค้กยังไม่สุกเต็มที่ แต่ถ้าไม้สะบัดออกมาสะอาดและไม่มีของคร่อมติดอยู่ แสดงว่าเค้กสุกและพร้อมที่จะเสิร์ฟแล้วค่ะ
เคล็ดลับเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เค้กช็อกโกแลตที่ทำออกมานุ่มนวลและอร่อยที่สุด โดยควรให้ความสำคัญในการเลือกวัตถุดิบที่คุณภาพดีและควบคุมกระบวนการทำให้เค้กเป็นอย่างถูกต้อง ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะสามารถทำเค้กช็อกโกแลตที่อร่อยนุ่มและอิ่มความหอมได้ค่ะ
การตกแต่งเค้กช็อกโกแลต
การตกแต่งเค้กช็อกโกแลตเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ทำให้เค้กดูน่ารับประทานและมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น การตกแต่งเค้กช็อกโกแลตนั้นมีหลากหลายรูปแบบและสไตล์ต่างๆ ที่คุณสามารถใช้ตกแต่งตามความคิดสร้างสรรค์และความต้องการของคุณได้
วิธีตกแต่งเค้กช็อกโกแลตที่ง่ายและทำให้เค้กดูน่ารับประทานคือการใช้ช็อกโกแลตระเหยและสำหรับช็อกโกแลตสีขาวหรือสีน้ำตาล คุณสามารถใช้ช็อกโกแลตระเหยหลากหลายรูปแบบเพื่อทำลวดลายหรือลายสวยๆ บนพิมพ์เค้ก โดยใช้สำหรับช็อกโกแลตขนาดเล็กค่ะ
การใช้ผลไม้หรือผลไม้แช่แข็งเป็นการตกแต่งเค้กช็อกโกแลตที่ให้ความสดชื่นและความหอมหวาน คุณสามารถวางผลไม้ตามความต้องการและความชอบของคุณ เช่น สามารถใช้สตรอเบอร์รี่, กล้วย, ส้ม, แอปเปิ้ล หรือผลไม้ที่คุณชื่นชอบในการตกแต่งเค้กช็อกโกแลตได้ค่ะ
นอกจากนี้ยังสามารถใช้วัตถุดิบอื่นๆ เพื่อตกแต่งเค้กช็อกโกแลต เช่น ครีมช็อกโกแลต, วิปครีม, กระเป๋าดินสอ หรือส่วนผสมอื่นๆ ที่ให้ความสวยงามและความเคล่อนไหวให้กับเค้กของคุณค่ะ
การตกแต่งเค้กช็อกโกแลตเป็นขั้นตอนที่น่าสนุกและสร้างสรรค์ คุณสามารถให้ความคิดสร้างสรรค์ในการตกแต่งเค้กเพื่อให้ได้รูปแบบที่คุณต้องการและครบครันตามความคิดสร้างสรรค์ของคุณค่ะ
วิธีเสิร์ฟเค้กช็อกโกแลตอร่vอยนุ่ม
เมื่อเตรียมเค้กช็อกโกแลตที่อร่อยนุ่มและพร้อมเสิร์ฟแล้ว ขั้นตอนที่สำคัญถัดไปคือการเสิร์ฟเค้กให้เป็นรูปแบบที่น่าต้อนรับและเสริมสร้างความอร่อยให้กับการรับประทานของทุกคนค่ะ
วิธีเสิร์ฟเค้กช็อกโกแลตอร่อยนุ่มคือการตัดเค้กออกเป็นชิ้นยาวๆ หรือชิ้นกลมๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการและสไตล์การเสิร์ฟของคุณค่ะ คุณสามารถใช้มีดครีมหรือเครื่องตัดเค้กเพื่อทำให้การตัดเค้กเป็นรูปแบบที่สวยงามและเหมือนกัน
หลังจากที่ได้ตัดเค้กเป็นชิ้นแล้ว คุณสามารถเสิร์ฟเค้กช็อกโกแลตในจานหรือจานกระชาย พร้อมที่คุณสามารถเสิร์ฟพร้อมกับผลไม้สดหรือผลไม้แช่แข็งที่คุณชื่นชอบเสมอค่ะ
การเสิร์ฟเค้กช็อกโกแลตให้ควบคุมการใช้น้ำยาหวานหรือน้ำตาลค่อนข้างยาก แต่คุณสามารถใช้น้ำตาลกะทิหรือน้ำเชื่อมของผลไม้ที่คุณชื่นชอบเพื่อให้ความหวานที่เหมาะสมกับคนที่รับประทานค่ะ
วิธีเสิร์ฟเค้กช็อกโกแลตอร่อยนุ่มที่สำคัญคือการตัดเค้กเป็นชิ้นสวยงามและเสิร์ฟพร้อมกับผลไม้สดหรือน้ำเชื่อมที่คุณชื่นชอบ หากต้องการให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น คุณยังสามารถใส่วุ้นช็อกโกแลตหรือผงโกโก้บนเค้กด้วยค่ะ เพื่อเพิ่มความหอมหวานและสีสันให้กับเค้กของคุณค่ะ
สรุป
ในบทความนี้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีทำเค้กช็อกโกแลตอร่อยนุ่มที่ได้รับความนิยมและความน่าตื่นตาตื่นใจของการทำเค้กช็อกโกแลต การเตรียมวัตถุดิบที่ใช้ในการทำเค้กและขั้นตอนการทำเค้กที่ละเอียดอ่อนสามารถทำให้เค้กช็อกโกแลตออกมาได้ดีที่สุด การคั่วแป้งโกโก้และการผสมส่วนผสมคั่วและนมข้นหวานเป็นตัวแทนตัวแทนของความหอมหวานและรสชาติที่อร่อย นอกจากนี้ยังเรียนรู้เคล็ดลับในการตรวจสอบความสุกของเค้กและวิธีการตกแต่งเค้กช็อกโกแลตให้สวยงามและเสริมสร้างความอร่อยให้กับการรับประทานเค้กของเราเพิ่มขึ้น
FAQS
ควรใช้ช็อกโกแลตประเภทใดในการทำเค้กช็อกโกแลต?
ควรใช้ช็อกโกแลตที่มีคุณภาพดีและมีรสชาติที่เข้มข้นในการทำเค้กช็อกโกแลต ควรเลือกช็อกโกแลตที่มีเปอร์เซ็นต์ความโกแกที่สูงและไม่มีผสมของน้ำมันปาล์มหรือน้ำมันระหว่างการจับตามเพื่อให้ได้เค้กที่นุ่มนวลและหอมหวานในทุกความสัมพันธ์
สามารถเพิ่มผลไม้อะไรเข้าไปในเค้กช็อกโกแลตได้บ้าง?
สามารถเพิ่มผลไม้ต่างๆ เข้าไปในเค้กช็อกโกแลตได้ตามความชอบ เช่น สามารถใส่สตรอเบอร์รี่, กล้วย, ส้ม, แอปเปิ้ล หรือผลไม้ที่คุณชื่นชอบในการตกแต่งเค้กช็อกโกแลตค่ะ
ทำไมต้องคั่วแป้งโกโก้ก่อนการใช้ในการทำเค้ก?
การคั่วแป้งโกโก้ช่วยเพิ่มความหอมหวานและความเข้มข้นของช็อกโกแลตในเค้ก การคั่วแป้งโกโก้ให้เหมาะสมและไม่ควรคั่วให้เกินไปเพื่อไม่ให้เกิดความขมหรือเสียหายส่วนผสม
จะทราบยังไงว่าเค้กช็อกโกแลตสุกเต็มที่แล้ว?
คุณสามารถตรวจสอบความสุกของเค้กช็อกโกแลตได้โดยการใช้ไม้กลมหม้อแม่เหล็กหรือไม้ถูเค้กสอดลงในเค้ก ถ้าไม้สะบัดออกมาแหละมีของคร่อมติดอยู่ แสดงว่าเค้กยังไม่สุกเต็มที่ แต่ถ้าไม้สะบัดออกมาสะอาดและไม่มีของคร่อมติดอยู่ แสดงว่าเค้กสุกและพร้อมที่จะเสิร์ฟแล้วค่ะ
วิธีการเสิร์ฟเค้กช็อกโกแลตให้ดูน่ารับประทาน?
เมื่อเค้กช็อกโกแลตเสร็จสมบูรณ์แล้ว ควรตัดเค้กเป็นชิ้นยาวๆ หรือชิ้นกลมๆ และเสิร์ฟในจานหรือจานกระชาย คุณยังสามารถตกแต่งเค้กด้วยผลไม้สดหรือน้ำเชื่อมที่คุณชื่นชอบเพื่อเสริมสร้างความอร่อยและสวยงามให้กับเค้กของคุณค่ะ